เงาะ กชกร นิมากรณ์ เริ่มเล่นละครโทรทัศน์เรื่องแรกเป็น มาลัยทอง แล้วก็บทตัวประกอบในเรื่องอื่นๆอาทิเช่น พรพรหมอลเวง หลังจากนั้นก็เลยเข้าประกวดนางสาวไทยเมื่อปี 2536 ได้รับตำแหน่งรองอันดับ 2 แล้วต่อจากนั้นก็เลยส่งผลงานละครและก็ภาพยนตร์เรื่องต่างๆในบทบาทที่โดดเด่นขึ้น อาทิเช่น นางทาส, ทัดดาวบุษยา, แหวนทองเหลือง, หัวใจใครจะรู้ ฯลฯ

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งนักแสดงมากมายความสามารถที่พวกเราคุ้นหน้าคุ้นตาในเรื่อง นางทาส กับ กชกร นิมากรณ์ หรือ เงาะ ที่ได้มีโอกาสมาเปิดใจกับรายการหนึ่งถึงเรื่องความรักกับดารารุ่นน้อง แดน ดนัย ที่เคยเล่าเรียนดูใจกันในตอนช่วงเวลาหนึ่ง เงาะ กต่อยร เล่าว่า มีข่ๅวว่า พวกเราคบกับรุ่นน้องอายุน้อยกว่า แต่พวกเราไม่ได้คบกันเหมือนเป็นความรัก มันไม่ใช่ เพราะว่าคบกันเพียงแค่ช่วงสั้นๆเขาพูดว่าเรามองเป็นผู้หญิงบุคลิกภาพดี สวย เป็นผู้ที่ดูแลตัวเอง ด้วยอายุขนาดนี้ยังดูแลตนเองได้อย่างนี้ เขาเลยให้ความสนใจเข้ามาคุยด้วย

เงาะเริ่มเล่าถึงชีวิตในวัยเด็กว่า หากแม้ครอบครัวจะไม่ได้ฐานะขัดสนอะไรมากมาย แต่ว่าพ่อกับแม่ก็ปลูกฝังลูกทุกคนให้รู้จักอดออมเงินค่าขนมหยอดกระปุก ซึ่งในตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากมายก็ทำตามอย่างที่แม่บอก เพราะว่าต้องการเก็บเงินไว้ซื้อของที่ตัวเองชอบ พออย่างไปสู่วัยรุ่นเริ่มมีคนชักชวนให้ไปสู่วงการบันเทิง ดังนั้นก็เลยเริ่มมีงานแสดงละครเข้ามา 2-3 เรื่อง เมื่อได้เงินมาก้อนแรกก็ดีใจมาก เพราะว่าเป็นเงินที่หามาด้วยตัวเองซึ่งจัดว่าเยอะแยะในความรู้สึก ก็เลยเก็บไว้ฝากธนาคารส่วนหนึ่ง และก็อีกส่วนหนึ่งให้ครอบครัวไว้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน

ต่อจากนั้นเงาะได้มีโอกาสประกวดนางสาวไทยในปี 2536 และก็ได้ตำแหน่งรองนางสาวไทยมา ส่งผลให้โด่งดังมากเพิ่มขึ้น ทำให้มีงานละคร งานโชว์ตัว งานเดินแบบ เข้ามาหาไม่ขาดสาย และก็รับทราบรายได้เป็นกอบเป็นกำ ก็เลยมีความคิดว่าน่าจะควรมีวิธีจัดการบริหารเงินอย่างจริงจังซะที สำหรับงานว่างยามว่างที่โปรดปรานของอดีตรองนางสาวไทยผู้นี้ นอกเหนือจากที่จะเป็นการทำสปาดูแลความสวยงามที่ร้านของตัวเองแล้ว เงาะยังหาเวลาว่างไปบวชชีพราห์ม ถือแปด แล้วทำวิปัสสนๅกรรมฐานที่วัดสงบๆตามต่างจังหวัดด้วย เพราะว่าได้ฝึกฝนหลายเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดจิตใจให้รู้เท่าทันอารมณ์